วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552




พระราชวังเดิม
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณซึ่งปัจจุบันเรียกว่าพระราชวังเดิมหลังจากรัชกาลที่ ขึ้นครองราชย์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีไปยังฝั่งพระนคร จากนั้นทรงแต่งตั้งให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาประทับ เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังเดิมให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งกองทัพเรือ

อาคาร ท้องพระโรง เป็นทรงไทยก่ออิฐถือปูน ประกอบด้วยพระที่นั่งองค์ทิศเหนือและองค์ทิศใต้เชื่อมต่อกัน ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงาน ประกอบพิธีสำคัญ รับรองบุคคลสำคัญและห้องประชุม

พระตำหนักเก๋งคู่ หลังใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย หลังคาทรงจั่วแบบจีน ลวดลายจีนที่ตกแต่งจั่วและคอสองเขียนสีแบบปูนเปียก ส่วนหลังเล็กเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนสันนิษฐานว่าสร้าง
ในสมัยรัชกาลที่ -

พระตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เป็นตึกแบบอเมริกันถือเป็น ตำหนักแบบตะวันตกองค์แรกที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯประทับอยู่ที่นี้

ศาล สมเด็จพะเจ้ากรุงธนบุรี เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ลักษณะอาคารเป็นทรงไทยผสมแบบตะวันตก ตัวอาคารยกสูงมีใต้ถุนล่าง

พระตำหนักเก๋งคู่ หลังใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย หลังคาทรงจั่วแบบจีน ลวดลายจีนที่ตกแต่งจั่วและคอสองเขียนสีแบบปูนเปียก ส่วนหลังเล็กเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑-๒

พระตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เป็นตึกแบบอเมริกันถือเป็น “ ตำหนักแบบตะวันตกองค์แรกที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์” สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯประทับอยู่ที่นี้

ศาล สมเด็จพะเจ้ากรุงธนบุรี เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ลักษณะอาคารเป็นทรงไทยผสมแบบตะวันตก ตัวอาคารยกสูงมีใต้ถุนล่าง


ที่ตั้ง: กองทัพเรือ พระราชวังเดิม .วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600

โทรศัพท์:(662) 475-4117 466-9355
แฟกซ์:(662)466-9355

รถประจำทาง:19 57 83

ท่าเรือ:
1.
เรือด่วนเจ้าพระยา:ท่าเตียน
2.
เรือข้ามฝาก : ท่าเตียน <-->
ท่าวัดอรุณ

เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์ 8.00-16.00 .

ค่าธรรมเนียม เข้าชม: ไม่เสียค่าะรรมเนียม แต่ต้องเข้าชมเป็นหมู่คณะ โดยทำหนังสือขออนุญาตถึง
รองประะานมูลนิธิอนุรักษ์ โบราณสถานในพระราชวัง เดิม ล่วงหน้า 1 สัปดาห์

ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน: 2592

รางวัลสถาปนิกสยาม: 2537

ข้อห้าม: ถ่ายภพภายในอาคาร.

ที่จอดรถ: บริเวณภายในกองทัพเรือ

สถานที่ใกล้เคียง: กุฎิเจริญพาศน์ ป้อมวิชัยประสิทธิ์ มัสยิดต้นสน วัดเครือวัลย์
วัดโมลีโลกยาราม วัดระฆังฯ วัดราชสิทธาราม วัดสังข์กระจาย วัดหงส์รัตนาราม วัดอรุณฯ
สะพานเจริญพาศน์

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งชาติ ท้องฟ้าจำลอง

0 ความคิดเห็น


ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งชาติ ท้องฟ้าจำลอง


ระบบสุริยะจักรวาล ดาราศาสตร์ อวกาศ ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีเกี่ยวพันกับความเป็นจริงและวิถีของมนุษย์มาตลอด ศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ จึงจดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้สิ่ง เหล่านี้ โดยอาศัยสื่อผสม สื่อจำลอง สื่อของจริง และกระบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จากกิจกรรมหลากหลายที่จัดขึ้นในแต่ละ โอกาส

อาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ จะจัดแสดงเป็นรอบๆ โดยแบ่งการแสดงเป็น 2 ส่วนคือ การฉายดาวบนท้องฟ้าในเวลาค่ำและรุ่งสาง ส่วนการฉายสไลด์มัลติวิชั่นจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องตามรายการของแต่ละเดือน

อาคารวิทยาสาสตร์และเทคโนโลยี จัดแสดงนิทรรศการถาวร 4 ชั้น เรื่องพื้นฐานการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งผู้ชมสามารถจะทดลอง ทดสอบและสัมผัสสิ่งแสดงต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น ชั้นที่ 1 เป็นเรื่องของโลกวิทยาศาสตร์ การสื่อสารดาวเทียม เลเซอร์แสงมหัศจรรย์เมืองกระจกทะลุจักรวาลส่วนชั้นที่ 2 จัดแสดงการเปิดโลกพลังงาน ประวัติเวลาและเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ฯลฯ

อาคารธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดแสดงนิทรรศการถาวรด้วยสื่อที่หลากหลายและทันสมัย ผู้ชมสามารถเรียนรู้และร่วมกิจกรรมต่างๆภายในนิทรรศการด้วย มีทั้งหมด 6 ชั้น จัดแสดงที่ชั้น 3-8 โดยเริ่มตั้งแต่โลกดึกดำบรรพ์และฟอสซิล มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ โลกของแมลง Discovery Room Cyber Club และมรดกจากธรรมชาติ

อาคารพิเศษ "โลกใต้น้ำ"จัดแสดงวิวัฒนาการสัตว์น้ำและพันธุ์ปลาสวยงามหลากลายชนิด

นิทรรศการ วิทยาศาสตร์การกีฬา นำเสนอเรื่องความสำคัญของร่างกยของตนเอง ประวัติวิทยาศาสตร์การกีฬา การรู้จักออกกำลังกาย การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น หน้าผามหาสนุก ซึ่งจะต้องใช้ส่วนต่างๆของร่างกายในการทดลองด้วย
นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังมีการฝึกอบรม บรรยาย สาธิต ทัศนศึกษา เข้าค่ายแข่งขัน รวมทั้งกิจกรรมทางความรู้ที่จัดเป็นประจำและจัดในวันสำคัญต่าง ๆ สำหรับเยาวชนและผู้สนใจทั่วไป



ที่ตั้ง : 928 ถ. สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

โทรศัพท์ : (662) 392-1773, 392-5951-9: 1034, 2008, 2009
โทรสาร : (662) 391-0522

เว็บ อีเมล์ : www.sciedug.nfe.go
รถประจำทาง : 2, 23, 25, 38, 40, 48, 72, 98
รถปรับอากาศ : 1 สาย 2, 8, 23, 25, 38, 511, 513, ปอ.พ. 6

เวลาทำการ : อังคาร-อาทิตย์ 8.30-16.30 น.
วันหยุดทำการ : จันทร์ วันนักขัตฤกษ์

ค่าธรรมเนียม ค่าเข้าชม : ท้องฟ้าจำลอง: เด็ก 5 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท

นิทรรศการและท้องฟ้าจำลอง: เด็ก 15 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท นักบวช: ไม่เสียค่าธรรมเนียม

กิจกรรม เทศกาล : รอบการแสดงประจำวัน:
เวลาทำการ: อังคาร-ศุกร์ 11.00 น. 14.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ 14.30 น. 10.00 น. 13.30 น.
รอบจอง รอบพิเศษ (คณะนักเรียน):
เวลาทำการ: อังคาร-ศุกร์ 10.00 น. 13.00 น.

รอบบรรยายภาษาอังกฤษ:
เวลาทำการ: อังคาร 10.00 น.
ค่าธรรมเนียม: วิทยากรบรรยาย 300 บาท

ห้องสมุด: ชั้น 7 อาคาร 4
ร้านขายของที่ระลึก : ชั้น 1 อาคาร 4
ร้านอาหาร : ชั้น 1 อาคารท้องฟ้าจำลอง

สถานที่จอดรถ :
บริเวณภายในศูนย์ฯ


สถานที่ใกล้เคียง :
บ้านช่างไทย เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์
ร.ร.ปทุมคงคา วัดธาตุทอง
สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) สถาบันปรีดี พนมยงค์
องค์การยูเนสโก อุทยานเบญจสิริ









ที่มา : tripsthailand

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น











สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ

ประวัติโดยย่อ
พ.ศ.2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชดำริให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี
ครบ 150 ปี โดยโปรดฯให้สร้างสิ่งซึ่งจะเป็นอนุสรณ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ผู้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานคร
ทรงเห็นว่าเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะสร้างสะพานเชื่อมพระนครกับธนบุรีเข้า ด้วยกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ร่วมกันรำลึกถึงโอกาสที่รัชกาลที่ 1ทรงย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร โดยโปรดฯให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 1 ไว้ที่เชิงสะพานฝั่งพระนครด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 ทรงเครื่องขัตติยราชภูษิตาภรณ์
ประทับเหนือพระราชบัลลังก์ หล่อด้วยสำริด สำหรับสะพานนั้นบริษัททดอร์แมนลอง จากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง
เป็นสะพานเหล็กยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร
สามารถยกสะพานขึ้นลงเพื่อเปิดทางให้เรือขนาดใหญ่ผ่านได้ ออกแบบให้มีรูปลักษณ์เหมือนลูกศร มีปลายอยู่ที่ฝั่งธนบุรี งบประมาณในการสร้าง 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ของรัชกาลที่ 7
ส่วนหนึ่ง รัฐบาลส่วนหนึ่ง และเงินบริจาคของประชาชนส่วนหนึ่ง รัชกาลที่ 7 ทรงประกอบพิธีเปิดสะพานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2475 สะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือที่เรียกติดปากว่า “สะพานพุทธ” เริ่มเปิดใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2475 เป็นสะพานที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นในวาระที่สถาปนากรุงเทพมหานครครบ 150 ปี เพื่อใช้เชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของพระนคร และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระมห กรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าโลกมหาราช ในคราวเดียวกันนี้

ลักษณะของสะพาน เป็นโครงเหล็กขวางยึดข้างบนมีบาทวิถี 2 ข้าง ตัวสะพานแบ่งเป็น 3 ตอน มีความยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร ตอนกลางยกขึ้นให้เรือผ่านด้วยแรงไฟฟ้าเปิดเป็นช่องกว้าง 60เมตร
ข้ามฟาก ส่วนเวลากลางคืนตั้งแต่ 6 โมงเย็นขึ้นไปจะแปรสภาพเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ไปจนถึงเวลาประมาณ เที่ยงคืน เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ


รถโดยสารประจำทาง
สาย 73, 3, 5, 6, 8, 10, 43, 53,


รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ
ปอ.73, ปอ.8


ที่มา : moohin , สองเท้าพาเดิน

วัดสระเกศ กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น



วัดสระเกศ อยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู
เดิมเป็นวัดเก่าชื่อวัดสะแก ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้ง
พระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
และพระราชทานนามว่าวัดสระเกศ ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่ม
สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วเสร็จในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานนามว่า "สุวรรณบรรพต"
สูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพต
เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์
และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็น ส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราช
เพราะมีคำจารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขณะนั้นกำลังทรงผนวชอยู่ที่อินเดีย
จึงเสนอให้ รัฐบาลอินเดีย มาเควส เดอลัน อุปราชอังกฤษประจำประเทศอินเดีย
ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายในฐานะที่ พระมหากษัตริย์
ไทยทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น



ที่มา : moohin


วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร

0 ความคิดเห็น



พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร


พิพิธภัณฑ์ เด็ก กรุงเทพมหานคร นับเป็นพิพิธภัณฑ์เด็กแห่งแรกของประเทศไทย และในเอเซียตะวัน ออกเฉียงใต้ จัดตั้งขึ้นตาม พระราชปรารภ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงปรารถนา ให้เด็กไทยได้รับโอกาสในการเรียนรู้อันกว้างขวาง ซึ่งคณะผู้บริหาร กรุงเทพมหานคร ในสมัยของ ดร. พิจิตต รัตตกุล ได้สนองพระราชปรารภ โดยจัดพื้นที่ส่วนหนึ่ง ของสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จำนวน 5 ไร่ ที่มูลนิธิสวนสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ มอบให้เป็นสถานที่ก่อสร้าง อาคารพิพิธภัณฑ์เด็ก สำนักสวัสดิการสังคม กรุงเทพมหานคร ได้เริ่มก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์เด็ก ขึ้นเมื่อ ต้นปี 2543 และแล้วเสร็จ สมบูรณ์ในกลางปี 2544 ในสมัยของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

อัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร

ผู้ใหญ่ 15-60 ปี บัตรราคา 70 บาท
เด็ก อายุ 2-14 ปี บัตรราคา 50 บาท
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
พระภิกษุ สามเณร และผู้พิการ ไม่เสียค่าเข้าชม

เวลาทำการ

วันอังคาร - วันศุกร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.

วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น.

ปิดบริการทุกวันจันทร์







ที่มี : พิพิธภัณฑ์เด็ก


วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น







พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ


พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ อยู่ตรงข้ามโรงเรียนนายเรือ
บนถนนสุขุมวิทจากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร
ภายใน พิพิธภัณฑ์เป็นที่รวมของข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เกี่ยวกับกองทัพเรือไทย และยุทธนาวี ครั้งสำคัญๆ
นอกจากนั้น ยังมีเรือจำลองสมัยต่าง ๆ
เช่น เรือที่ใช้ในพระราชพิธีกระบวนเรือพยุหยาตรา
ชลมารค เรือรบหลวงพระร่วง เรือหลวงมัจฉานุ
ซึ่งเป็นเรือดำน้ำลำแรกของกองทัพไทย
เปิดให้เข้าชม ในวัน ราชการตั้งแต่ เวลา 08.30-16.30 น.
โดยไม่เสียค่าผ่านประตู

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
โทร. 3941997
โทร. 0 2394 1997 หรือ 0 2475 3808


การเดินทางรถโดยสารประจำทางธรรมดาสาย 25, 102
รถปรับอากาศสาย 25, 102, 142, 507, 508, 511 และ 536














ที่มา : moohin

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วัดอรุณราชวราราม(วัดแจ้ง) กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น










วัดอรุณราชวราราม


วัดอรุณราชวราราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ถนนอรุณอัมรินทร์ เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดแจ้ง ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้ายพระราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรี ได้โปรดฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐาน ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นวัด ประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จ แล้วได้พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม หรือวัดแจ้ง มีจุดเด่นที่ น่าสนใจ คือ พระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม" จัดเป็นพระอารามหลวงชั้น วรมหาวิหาร เรียกชื่อเต็มว่า "วัดอรุณราชวรมหาวิหาร"

วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร พระปรางค์วัดอรุณฯ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก จากแผนที่เมืองธนบุรีซึ่งชาวฝรั่งเศสทำไว้ในรัชสมันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บ่งบอกว่า วัดแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวังได้ทรงถือเอาวัดแห่งนี้ เป็นวัดภายในพระราชวัง ยกเลิกไม่ให้พระสงฆ์จำพรรษา และโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์แล้วพระราชทานนามว่า "วัดแจ้ง" ต่อมารัชกาลที่ 2 ทรงปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามว่า "วัดอรุณราชวราราม" ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "อรุณราชธาราม"


พระปรางค์ ก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบจาน ชามเบญจรงค์และเปลือกหอย ทำเป็นลายดอกไม้ ใบไม้และลายอื่นๆ ยอดพระปรางค์เป็นนภศูลและมงกุฎปิดทอง
พระระเบียงคต (พระวิหารคต) สร้างแทนกำแพงแก้วหลังคามุงกระเบื้องเคลือบมีประตู ภ ทิศ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 120 องค์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงยกย่องว่า "ทรวดทรงงามกว่าระเบียงที่ไหนหมด เป็นศรีแห่งฝีมือในรัชกาลที่ 2 ควรชมอย่างยิ่ง"

ประตูซุ้มยอดมงกุฎ เป็นประตูจัตุรมุข หลังคา 3 ชั้นเฉลียงรอบ มียอดเป็นมงกุฎ ประดับกระเบื้องถ้วยสลับสี

มณฑปพระพุทธบาทจำลอง อยู่ระหว่างพระอุโบสถและพระวิหาร ภายในมีพระพุทธบาทจำลองเป็นหินสลักจากกวางตุ้ง

ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน อยู่ที่เขื่อนหน้าวัดมี 6 หลัง

ภูเขาจำลอง รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้นำมาไว้ที่วัดนี้

รูปปั้นยักษ์ยืน หน้าประตูยอดซุ้มพรมงกุฎมี 2 ตน ปั้นด้วยปูน ยักษ์ขาว คือ สหัสเดชะ ยักษ์เขียว คือ ทศกัณฑ์

วัดแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองคู่กับกรุงรัตนโกสินทร์มาตลอด สถาปัตยกรรมของปูชนียวัตถุสถานล้วนทำอย่างประณีตงดงามสมกับเป็นหนึ่งในวัด เอกของประเทศไทยและตามพระราชประเพณีพระมหากษัตริย์จะเสด็จเป็นองค์ประธานใน งานพระราชพิธีที่สำคัญของทางวัดตลอดจนพระราชทานผ้าพระกฐินทางชลมารค

พระอุโบสถ ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นศิลปะกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หลังคาลด 2 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ หน้าบันทั้งหน้าและหลังเป็นไม้แกะจิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือช่างในรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 พระประธานมีนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" เป็นพระปางมารวิชัยหล่อขึ้นใสมัยรัชกาลที่ 2 ที่ผ้าทิพย์ตรงใบพัดยศบรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 2

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น










พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

พระ ที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นใหม่ ในพระบรมมหาราชวัง


ในช่วงรัชสมัย พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ตามธรรมเนียมโบราณที่กษัตริย์
มักนิยมสร้างปราสาทมาทุกสมัย และเพื่อเตรียมใช้เพื่อเฉลิมฉลองการสมโภชน์
กรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี
สำหรับ พระที่นั่งสร้างใหม่นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างเป็นท้องพระโรง โดยโปรดเกล้าให้สร้างตามแบบ
วิคตอเรียนเรอเนสซอง ที่กำลังเป็นแบบที่นิยมมาก ของอังกฤษในสมัยนั้น
แต่เหลือยอดปราสาท 3 ชั้น ไว้เป็นศิลปะแบบไทยแต่ กว่าพระที่นั่งจะเสร็จสมบูรณ์
ดังที่เห็นกันในทุกวันนี้นั้น บรรดาช่างไทยและฝรั่งพร้อมทั้งขุนนางและพระบรมวงศานุวงศ์
ต่างก็มีการถกเถียงกันมากมาย ถึงรสนิยมและความเหมาะสมในการสร้างสถานที่นี้ในพระบรมราชวัง
แบบโบราณ ซึ่งสมัยนั้นกรุงสยามนิยม จ้างช่างจากยุโรป
ร้อนถึงพระเจ้าอยู่หัวที่ต้องทรงลงมาตัดสินให้ก่อสร้างตามแบบอังกฤษด้วย เหตุผลที่ว่าอังกฤษ
ซึ่งเป็นมหามิตรเมื่อครั้งพระราชบิดา มีความร่มเย็นเป็นสุข ต่างจากประเทศฝรั่งเศสและอเมริกา
ที่มีการรบพุ่งกันอยู่เนืองๆ จึงน่าจะได้เลือกเอา สถาปัตยกรรมของอังกฤษเป็นแบบอย่าง
ในการก่อสร้างได้แต่ ที่ยังอุตส่าห์เหลือยอดทรงไทยให้เราได้ยลนั้นเป็นเพราะ
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เมื่อครั้นทรงพระเยาว์ที่กราบบังคมทูลทัดทาน มิให้ช่างฝรั่งสร้างหลังคาทรงโดมด้วยเหตุผล
ที่ว่าทำเลที่ตั้งของพระที่นั่ง จักรีมหาปราสาท อยู่กึ่งกลาง ระหว่าง พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน และ
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เปรียบได้กับสมัยอยุธยาที่พระที่นั่งสรรเพญ์ปราสาท
ถูกโอบล้อมด้วยพระที่นั่งสุรยาสน์อมรินทร์ และ พระวิหารสมเด็จ
ฉะนั้นยอดบนจึงควรจะมีความกลมกลืนและสอดคล้อง
กับตำแหน่งของพระบรมราชวังแม่แบบในสมัยกรุงศรีอยุธยาตามพระราชดำริของพระปฐม
กษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีด้วย






ที่มา : Sanook

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ศาลหลักเมือง กรุงเทพ

2 ความคิดเห็น

ศาลหลักเมือง

“ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร”
คู่บารมีกรุงรัตนโกสินทร์ (ค้นคว้าจากGoogle)

กรุงเทพ มหานคร เมืองฟ้าอมรของประเทศไทยนั้นก็มีเสาหลักเมืองคู่บ้านคู่เมือง มาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเสาหลักเมืองประดิษฐานอยู่ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ใกล้กับวัดพระแก้ว ความแปลกโดดเด่นของศาลหลักเมืองกรุงเทพฯนี้ เห็นจะอยู่ตรงที่มีถึง 2 หลักด้วยกัน โดยเสาหลักแรกสร้างขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) โปรดเกล้าให้ทำพิธียกเสาหลักเมืองสถาปนาพระนครใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 10 ค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.45 นาฬิกา ซึ่งใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง โดยประกอบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซ. สูง 27 ซม. และกำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 10 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง เรียกได้ว่าเสาหลักเมืองนี้เป็นสิ่งก่อสร้างอันศักดิ์สิทธิ์แรกๆ ที่อยู่คู่กับพระนคร

ส่วนเสาที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 4) ทรงโปรดเกล้าให้มีการขุดเสาหลักเมืองเดิม และจัดสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุด เป็นแกนไม้สัก ประกอบด้านนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ 6 แผ่น สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มีความสูงกว่า 5 ม. พร้อมกับอัญเชิญหลักเมืองเดิม และหลักเมืองใหม่ ประดิษฐานอยู่ใกล้กันในอาคารศาลหลักเมืองที่มียอดปรางค์ ก่ออิฐฉาบปูนขาวที่ได้แบบอย่างจากศาลหลักเมืองอยุธยา

ด้านจุลภัสสร ได้แสดงทัศนะถึงเหตุที่เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ มี 2 เสา ก็เพราะว่า “ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีกษัตริย์ด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะพระปิ่นเกล้าฯ มีดวงพระชะตาเรียกว่าเสมอกันกับพระองค์ พระองค์ก็เลยสถาปนาให้เป็นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ที่ 2 ฉะนั้นเมื่อมีพระเจ้าอยู่หัว 2 องค์ในแผ่นดินเดียวกัน จึงโปรดเกล้าให้สถาปนาหลักเมืองขึ้นมาอีกหลักหนึ่ง คือเหมือนกับแผ่นดินซ้อนแผ่นดิน เลยต้องมีเสา 2 ต้น”

ทราบเรื่องราวความเป็นมากันแล้วนะคะ ตรงข้ามวิหารเจ้าพ่อหลักเมืองหรือศาลหลักเมือง
มีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมือง 5 องค์ คือ

พระเสื้อเมือง มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน

พระทรงเมือง มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี

พระกาฬไชยศรี เป็นบริวารพระยมมีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก

เจ้าพ่อเจตคุปต์ เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไปและอ่านประวัติผู้ตายเสนอพระยม

เจ้าพ่อหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัย หรือมีข้าศึกศัตรูมาประชิดพระนคร

นอกจากข้าพเจ้าจะได้รูปภาพที่สวยสด งดงามตามที่ปรารถนาแล้ว ยังดีใจสุดกำลังที่ได้มีโอกาสมาสักการะสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง ร่วม 30 กว่าปีที่ห่างเหินไปไกล ทั้งๆที่ก็อยู่กรุงเทพฯ















ทีมา thai-tour

สวนรถไฟ (สวนวชิรเบณจทัศ) กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น





สวนรถไฟ (สวนวชิรเบณจทัศ)


รายละเอียด
หนึ่งในวิถีชีวิตอยู่ดีมีสุข ก็คือ การได้พักผ่อนเต็มที่ ออกกำลังกายพอเพียง เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ สถานที่แนะนำในครั้งนี้ เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่มีกิจกรรมที่น่าสนุก นั่นคือการขี่จักรยานออกกำลังกายไปรอบ ๆ สวน สถานที่ว่านี้ก็คือ สวนรถไฟ หรือสวนวชิรเบญจทัศ นั่นเอง

สวนรถไฟ แต่ก่อนเคยใช้เป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีเนื้อที่ 375 ไร่ ต่อมาได้สร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพักผ่อนหย่อนใจและ ออกกำลังกายของประชาชนในย่านใกล้เคียง มีส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟเดิมสำหรับให้เด็ก ๆ ได้ฝึกหัดเล่นกอล์ฟ มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับพันธุ์ไม้แก่ผู้ที่สนใจ มีสวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพรนานาชนิด ลานกีฬา สวนพุทธศาสนา สวนพิพิธภัณฑ์รถไฟ ตลอดจน สระว่ายน้ำ และยังจัดเป็นที่กางเต็นท์พักแรมของเด็กนักเรียน ซึ่งสามารถศึกษานกหลายชนิดที่มีอยู่เองตามธรรมชาติได้อีกด้วย เพราะในสวนมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก

การเดินทาง
สวนรถไฟอยู่เขตจตุจักร ติดกับสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ใกล้ ๆ สวนจตุจักรนี่เอง ทางเข้าจะอยู่ใกล้กับตึก ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ้ามาจาก ถ.วิภาวดีรังสิต แยกสุทธิสาร จะต้องขึ้นสะพานลอยข้ามแยก (ด้านนอก) ให้เลือกช่อง “ดอนเมือง” อย่าผิดช่องเพราะมีหลายทางเลือกมาก เมื่อลงสะพานลอยให้ชิดซ้ายตัดเข้าถนนเล็ก ๆ ตรงทางเข้า ตรงจุดนี้ควรใช้ความระมัดระวังด้วย เพราะระยะทางค่อนข้างกระชั้นชิด ถ้ามาจากทางอื่นไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก แล้วเลี้ยวเข้าซอยข้าง ปตท.ซึ่งจะเห็นป้ายชื่อสวนวชิรเบญจทัศขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ถ้านำรถมาเสียค่าบำรุงสถานที่ 10 บาท



ลักษณะเด่นและจุดที่น่าสนใจในสวน

ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าย่านพหลโยธินที่สื่อถึงความเจริญด้านวัตถุและ
การพัฒนาสู่ความเป็นเมือง อาคารคอนกรีตซึ่งขนานยาวไปกับสองฝั่ง
ถนนสร้างผิวสัมผัสมหาศาลที่เป็นตัวสะสมความร้อนให้วนเวียนอยู่ใน
ตัวเมืองกรุงเทพฯ ขณะที่พื้นผิวละเอียดอ่อนนุ่มของใบไม้ใบหญ้าลด
ปริมาณลงเพื่อเปิดทางให้ความเจริญเหล่านี้มาแทนที่นั่นคือ สาเหตุ
ของอากาศร้อนรุนแรงภายในเมือง และพื้นที่สีเขียวดูจะสามารถบรร-
เทาปัญหานี้ได้
" สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ" จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงบท
บาทของสวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียว ที่มีคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตคน
กรุง เพราะเพียงก้าวแรกจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่มรื่น เย็นสบาย ต่างจาก
ความร้อนระอุที่แผดเผาอยู่ภายนอก และบรรยากาศที่ปะปนด้วยไอเสีย
ฝุ่นละอองจากยานยนต์ซึ่งวนเวียนบนผิวจราจรที่คับคั่งราวกับได้มาเยี่ยม
โลกสีเขียวในวงล้อมป่าคอนกรีต สวนสาธารณะแห่งนี้ถูกสร้างในแนวคิด
" สวนแห่งครอบครัว " ที่ตระเตรียมกิจกรรมหลากหลายไว้ดึงดูดความสน
ใจของสมาชิกทุกวัยในครอบครัว แทรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่เปิดโล่ง
กว้างไพศาลและเขียวขจี สดชื่น นุ่มนวล สบายตาให้ความรู้สึกอิสระ
มีเนินหญ้าสลับกับพื้นราบกว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานสำหรับ
สวนสาธารณะครบครัน และเป็น "สวนสาธารณะในฝันของนักปั่นจักรยาน
เสือภูเขา" ด้วยเส้นทางจักรยานวิบาก ยาว 3,020 เมตร ลัดเลาะดงไม้ ไต่
เนินไปรอบนอกสวน หรือจะเลือกเดินชมธรรมชาติ วิ่งออกกำลังก็ทำได้
ในเส้นทางใหญ่ พร้อมไปกับกิจกรรมศึกษาธรรมชาติจากประสบการณ์
ตรงในห้องเรียนกลางแจ้ง นั่นคือ ความโดดเด่นที่สุดของสวนวชิรเบญจ- ทัศคงในนาม "อุทยานการเรียนรู้จตุจักร"
บทบาทใหม่ของสวนสาธารณะที่เพิ่มศักยภาพในการเป็นแหล่งท่อง
เที่ยว และแหล่งนันทนาการเปิด ทำให้ผู้ใช้สวนสามารถเข้ามาใช้บริการ ได้ตลอดวัน เกิดขึ้นจากการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกิจกรรมเพื่อการ
เรียนรู้และนันทนาการในสวนทั้ง 6 จุด เข้ากับกิจกรรมในสวน
สาธารณะข้างเคียง คือ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จำนวน 2 จุด
และสวนจตุจักร อีก 1 จุด รวมเป็นเป้าหมายการเรียนรู้ 9 จุดเชื่อมสวน
ทั้ง 3 เข้าด้วยกันเป็นพื้นที่สี เขียวผืนใหญ่ ถึง 705 ไร่ สร้างคุณค่ามหา-
ศาลต่อระบบนิเวศของเมือง นับเป็นการพัฒนาด้านสังคมควบคู่กับด้าน
จิตใจที่สอดแทรกมาในการพัฒนาพื้นที่ด้านกายภาพ



ที่มา สำนักงานสวนสาธารณะ

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ตลาดนัดสวนจตุจักร กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น

ตลาดนัดสวนจตุจักร


ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน มีร้านค้ามากกว่า 8,000 ร้านค้า และยังมีสินค้าจากทั่วภูมิภาคมากมายหลายประเภทจำหน่าย เช่น สินค้าพื้นเมืองตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน มีร้านค้ามากกว่า 8,000 ร้านค้า และยังมีสินค้าจากทั่วภูมิภาคมากมายหลายประเภทจำหน่าย เช่น สินค้าพื้นเมือง เครื่องจักสาน เครื่องประดับ เสื้อผ้า ไปจนถึงสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ในวันพุธและศุกร์ของสัปดาห์จะมีการจัดบริเวณเฉพาะสำหรับร้านค้า พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เปิดทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ทั้งนี้ยังสามารถใช้บริการส่งของถึงบ้านวันเดียวถึงของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ในตลาดนัดจตุจักร ใกล้กับธนาคารออมสิน สำหรับพื้นที่ กทมฬ และปริมณฑล ถ้าฝากก่อนเวลา 14.00 น. จะถึงมือผู้รับภายในเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน แต่ถ้าส่งหลังเวลา 14.00 น. จะถึงมือผู้รับไม่เกินเวลา 14.00 น. ของวันถัดไป สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด จะถึงผู้ภายใน 3 วันทำการ เปิดให้บริการทุกวัน จั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. หรือที่ Call Center 1545 ในวันและเวลาทำการ


ที่มา : siammsn

โขน ศาลาเฉลิมกรุง

0 ความคิดเห็น





โขน ศาลาเฉลิมกรุง มีอะไรบ้าง............................




ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง เขตพระนคร เดิมเป็นโรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงต่อมาได้มีการปรับปรุงให้เป็นโรงละครที่ทัน สมัย โดยมีการนำเอาเทคนิคพิเศษมาประกอบการแสดงตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง เขตพระนคร เดิมเป็นโรงภาพยนตร์เฉลิมกรุงต่อมาได้มีการปรับปรุงให้เป็นโรงละครที่ทัน สมัย โดยมีการนำเอาเทคนิคพิเศษมาประกอบการแสดงหลากหลายประเภท อาทิ โขน ละครเวที ละครย้อนยุค และภาพยนตร์หมุนเวียนกันไป

ในปี 2549 มูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้จัดโครงการ โขน-ศาลาเฉลิมกรุงขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยจัดแสดงทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ ตลอดปี 2549 ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2225 8757–8, 0 2623 8148-9


source : siammsn

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น




วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.) คติ "ร่มเย็นเป็นสุข" กิจกรรม นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ อยู่ดีกินดีตลอดปี " สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123, รถปรับอากาศ สาย 501, 508

วัดโพธิ์ หรือนามทางราชการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย พระอารามหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่ ๕๐ ไร่ ๓๘ ตารางวาอยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราช มีถนนเชตุพน ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสชัดเจน มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกไว้ว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังแล้ว ทรงพระราชดำริว่า มีวัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง ๒ วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณะปฏิสังขรณ์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๑ ใช้เวลา ๗ ปี ๕ เดือน ๒๘ วัน จึงแล้วเสร็จ และโปรดฯ ให้มีการฉลองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๔ พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ” ต่อมารัชกาลที่ ๔ ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม" ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ นานถึง ๑๖ ปี ๗ เดือน ขยายเขตพระอารามด้านใต้และตะวันตกคือ ส่วนที่เป็นพระวิหารพระพุทธไสยาสสวนมิสกวัน สถาปนาขึ้นใหม่ พระมณฑป ศาลาการเปรียญ และสระจระเข้บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่เป็นโบราณสถานในพระอารามหลวงที่ปรากฏอยู่ ทุกวันนี้ แม้การบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดเมื่อฉลองกรุงเทพฯ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นเพียงซ่อมสร้างของเก่าให้ดีขึ้น มิได้สร้างเสริมสิ่งใด ๆ เกร็ดประวัติศาสตร์ของการสถาปนาและการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์แห่งนี้ บันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ ๑ และที่ ๓ ขุนนาง เจ้าทรงกรมช่างสิบหมู่ ได้ระดมช่างในราชสำนัก ช่างวังหลวง ช่างวังหน้า และช่างพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมสาขาต่างๆ ได้ทุ่มเทผลงานสร้างสรรค์พุทธสถานและสรรพสิ่งที่ประดับอยู่ในวัดพระอาราม หลวง ด้วยพลังศรัทธาตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ให้เป็นแหล่งรวมสรรพศิลป์ สรรพศาสตร์ เปรียบเป็นมหาวิทยาลัยแห่งสรรพวิชาไทย (มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรก) ที่รวมเอาภููมิปัญญาไทยไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไทยได้เรียนรู้กับอย่างไม่รู้ จบสิ้น

ที่มา: thaigoodview

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กรุงเทพ ไกด์, ข้าวสาร, แนะนำที่ท่องเที่ยว กรุงเทพ, แหล่งท่องเที่ยว

0 ความคิดเห็น

"ถนนข้าวสาร "

ถ้าอยากไปชอปปิ้งและไปดื่มกินหนุกหนาน ขอแนะนำให้ไปที่นี่ค่ะ





" ถนนข้าวสาร "มีของขายทุกอย่าง คล้ายๆกับย่อสวนจตุจักรโซนแฟชั่นมาไว้ที่นี่

เสื้อป้า กระเป๋า รองเท้า ทั้งมือ 1 มือ 2 วางขายกันยั้วเยี้ยไปหมด

เสื้อใน บิกินนี่ เครื่องประดับ สร้อย แหวน นาฬิกา

รูปภาพ วาดรูปเหมือน((ที่ไม่ค่อยจะเหมือน)) เยอะมากๆ

ล่าสุดที่ป้าไปมา พ่อค้าแม่ค้าเค้าตั้งแผงขายกันบนฟุตบาทลามมาบนถนน

จนแทบจะไม่มีที่เดินแล้ว

กลางถนนก็มีรถเข็นขายของกินเป็นระยะๆ

อยากรู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มขายรถเข็นของกินที่นี่

มันมีแฟรนด์ไชน์รึป่าว ??

สมัยก่อนเห็นมีแต่รถขายข้าวไข่เจียวกับก๋วยเตี๋ยวผัด

อิกเจ้าก็โรตีกล้วยขายอยู่หน้าซอยซูซี่ แต่...เดี๋ยวนี้เค้าพัฒนาแล้ว

นอกจากข้าวไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยวผัด ยังมี ข้าวกะเพรา ข้าวตามสั่ง แมลงทอด

ข้าวโพดปิ้ง ข้าวโพดถ้วย ผลไม้ดอง สายไหม ข้าวเหนียวมะม่วง ถั่วต้ม

ข้าวผัด มักกะโรนี ข้าวเหนียวหมู ไก่ย่างส้มตำ ไส้กรอกลูกชิ้นทอด

ปลาหมึกย่าง บาร์บีคิว น้ำปั่น ฯลฯ เยอะแยะ

จอดเกะกะกันไปหมด แล้วแม่ค้าพวกนี้น่าหมั่นไส้อยู่อย่างตรงที่...

ชอบเอาใจฝรั่ง !!

ฝรั่งมาสั่งข้าวแล้วชอบลัดคิวให้ ทุเรศเน๊อะ...

ส่วนหมอดูที่มีนั่งแอบตามมุม ขอแนะนำว่าอย่าไปดูค่ะ

เลอะเทอะ !!


"ถนนข้าวสาร "


เพื่อน 5 คนไปดูกันมา หมอดูแม่นๆบอกว่า

คนนึงจะได้แฟน อิกคนจะได้ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา

ทุกวันนี้ คนนึงยังอยู่อย่างเหงาๆเหมือนเดิม

อิกคนที่ว่าจะได้ไปเมืองนอก ตอนนี้ขายประกัน

ชอปเสร็จแล้วเราไปแดนซ์กันเถอะ *-*

Brick Bar

ร้านนี้โด่งดังในเรื่องวงดนตรีเล่นสด วันนึงจะมีประมาณ 3 วง วงแรกหัวค่ำ

ร้องเพลงฝรั่งฟังสบาย วงสอง ส่วนใหญ่จะร้องเพลงไทยเก่าๆ

พวกมนุษย์ค้างคาว ชีวิตสัมพันธ์ พลิกล๊อค วงนี้โดนใจป้ามาก

เพราะร้องเพลงรุ่นป้า...เต้น+ร้องตามได้ทุกเพลง

น่ารักตรงที่ขอเพลงง่าย ขอปุ๊บร้องปั๊บ ไม่เล่นตัว

บางวงขอตั้งกะเพลงแรกจนเพลงสุดท้ายแม่มยังไม่ร้องเลย...เกลียด !!

อ่ะต่อๆ...

นักร้องชื่อพี่บอย หน้าตี๋ ใส่แว่น ผมตั้ง ชอบใส่กางเกงขาสั้นและผูกเนคไท

แต่งตัวไม่แคร์เทรนด์อย่างแรง !!

ถ้าเจ้จ่ามาเห็นคงฆ่าตัวตายเพราะไม่รู้ว่าจะให้ไฟอะไรดี

ระหว่างไฟแดงกับไฟแด๊ง~แดง

วงสุดท้ายเล่นแนวสกาเรกเก้ วงที่โดนใจป้าชื่อวง " ลูกหมี เทดดี้ สกา "

มีมือไวโอลีนเหมือนเสกโลโซด้วย

เสน่ห์ของสกาอยู่ตรงดนตรีสนุกสนาน และมีเสียง " ฮึ่ย ๆๆ " เหมือนไล่

ควายด้วย

วงนี้ป้าว่าตอนเด็กมันคงไม่ตั้งใจเรียน ถึงได้รู้ภาษาอังกฤษแค่คำเดียว

เพลงจบมัน " แซ้ง กิ้ววว..วววว " เปิดวง " แซ้งกิ้ว "

ขอเพลง " แซ้งกิ้ว " เล่นจบ " แซ้งกิ้ว "

อยากไปสะกิดบอกมันว่า " มืงพูดฮัลโหลหรือบ๊ายบายมั่งก็ได้ "

ไม่ใช่เอะอะๆ กุแซ้งกิ้วอย่างเดียว

วันก่อนป้าไปแดนซ์ ดิ้นรอวงสุดท้ายอย่างมีความหวัง ... มันไม่ใช่

เป็นวงห่านอะไรไม่รู้ ไม่สนุกเลย มีนักร้องชายหญิง

ป้ากับเพื่อนสรุปกันว่า เค้าร้องเพลงแนวสกาจอมปลอม

ดนตรีเสียงดังกลบเสียงร้องหมดเลย

ร้องตามไม่ได้ซักเพลง ไม่รู้แม่มกระซิบกระซาบอะไรกัน !!

พูดจริงๆว่าไม่ได้ดิ้นเลย เสียใจมาก เตรียมท่าเต้นมาจากบ้านเยอะเลยด้วย

แค่นั่งอ่านปากนักร้องอย่างเดียวก็ปวดลูกกะตาจะแย่แล้ว

แนะนำว่าก่อนเข้าร้านให้ดูป้ายก่อนว่า วันนี้วงไหนเล่น

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจบริกบาร์เดินดุ่มๆเข้าไปแบบป้า...เมื่อยลูกกะตา

แล้วจะหาว่าไม่เตือน

ปล. ร้านนี้ยืนดิ้นบนเก้าอี้ได้

(( ถ้าวันไหนมีคนดิ้นบนเก้าอี้แล้ว อย่าเสร่อขึ้นดิ้นตามเค้า

ดิ้นให้เครื่องในมากองรวมกันก็ไม่ได้เกิด))

Molly

ร้านนี้นั่งด้านนอกสบายๆ

มีเสียงเพลงเล่นสดดังแลบออกมาให้ฟังเพลงๆด้านนอก

คุยกับเพื่อนไป โยกตัวนิดๆ กำลังน่ารัก

แต่ถ้าเป็นขาแดนซ์ต้องเข้าข้างในสถานเดียว

มีวงดนตรีเล่นสดสนุกๆ ห้องน้ำน้อย และ อาหารไม่ค่อยอร่อย...

ยิ่งอาหารประเภทยำยิ่งแล้วใหญ่ ใครกินแล้วไม่พูดว่า " ถุย " ป้าให้ถีบ

ตอนป้าเดินเข้าห้องน้ำเจอหนูนักร้องกำลังแต่งหน้าอยู่

หน้าจืดๆ โล้นๆ รูขุมขนกว้างๆ

ผิวหน้าเป็นหลุม มีสิวและรอยแดงด้วย เอ้า...นึกภาพตามกันให้ออก

มันยึดอ่างล้างมืออ่างนึงวางเครื่องสำอาง

อ่างนึงเต็มๆ แล้วยังมีวางล้นทะลักออกมาขอบๆ

ป้าเห็นแล้วตกกะใจนึกว่า

มอลลี่เปิดเคาท์เตอร์เครื่องสำอางวางขายกันในส้วมด้วย

เข้าห้องน้ำรอบสอง...นังหนูนี่มันยังแต่งหน้าอยู่ที่เดิม
นึกในใจแบบหยาบๆว่า " กุเยี่ยวสองรอบแล้วมืงยังแต่งไม่เสร็จอิกเหรอ "

หุ หุ

พอถึงวงนังหนูนี่ขึ้นร้อง โอ้โห ... อีเห็ด !!

.....อย่างกับคนละคน

นังหนูร้องเพลงปากชมพูแวววาว หน้าขาวเนียนเรียบสวย

สิวฝ้าซักเม็ดก็ไม่มีโผล่มาให้เห็น

คิ้วบางเฉียบจนแทบจะมองไม่เห็น

บัดนี้โค้งสวยได้รูปหยั่งกะสะพานพระรามแปด

ฝีมือการแต่งหน้าไร้เทียมทานจริงๆ

น่าร่อนการ์ดเชิญมา HOW TO ที่โต๊ะแป้งยิ่งนัก

susie

ร้านเก่าแก่ เปิดแผ่นดิ้น และมีวงเล่นสด

ถ้าไปร้านนี้กุรูแนะนำว่า

อย่าเอากระเป๋าใบใหญ่ไป และอย่าฝากของด้านหน้าจะดีมาก

ป้าฝากของแล้วทำบัตรกระดาษหาย...

ไอ้การ์ดหนวดแม่มจะไม่คืนกระเป๋าให้

ทั้งๆที่ป้าบอกถูกหมดว่าในกระเป๋ามีอะไรมั่ง

ป้าโมโหก็ยืนด่ากับมัน จะเดินเข้าไปฉะกับมันด้วย

เพื่อนป้าห้ามไว้กลัวมีเรื่อง...สุดท้ายเพื่อนเคลียร์ให้ได้กระเป๋าคืน

ทุกวันนี้ไม่กล้าเข้าซูซี่แล้วค่ะ

กลัวลุงหนวดจำหน้าได้ แล้วพาพวกมารุมกระทืบ 555

ข้าวสารเซ็นเตอร์

นั่งกินฟังเพลง อาหารธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ

ฮิปปี้เดอบาร์

ร้านนั่งกินฟังเพลงชิลล์ๆ แต่งร้านเกร๋ๆ

ถ้าเข้าไปนั่งในแอร์จะมีโต๊ะแอบในมุมหลืบให้จู๋จี๋กันด้วย

อาหารรวดเร็วและอร่อยดี

แนะนำว่า....ไม่ควรสั่งคอกเทลที่ผสมน้ำผลไม้

เพราะไม่ว่าจะสั่งอะไร ผสมอะไร รสชาดเหมือนกันแทบทุกอย่าง

ห้องน้ำมีห้องเดียว หน้าห้องน้ำมีพัดลมตัวใหญ่ๆ ไว้รู้เอาไว้เป่าอะไร

ยืนต่อคิว//รอเพื่อนหน้าห้องน้ำตรงพัดลม

จะมีคนมาไล่ให้ไปยืนที่อื่นค่ะ...ใจแคบ!!

มาคิดได้ตอนหลังว่าพัดลมใหญ่ๆ คงจะเอาไว้เป๋า

" ท่อมันมั้ง " ถึงได้หวงนักหวงหนา

ปล. ร้านนี้ศาลพระภูมิอลังการสว่างไสวติดไฟพรึบพรั่บ

โอ้บาร์

ร้านแต่งเกร๋ๆโทนสีดำแดง มีวงเล่นสดวันละ 2 สลับดีเจเปิดแผ่น

อาหารโอเค...รับบัตรเครดิตด้วย

ต้มยำกุ้ง

ร้านเป็นบ้านน่ารัก ดูอบอุ่น อาหารอร่อยหลายอย่าง

ถ้าได้อาหารช้า ให้บอกว่า "ไม่เอาแล้ว "

จบ !!

สนุกบาร์

ชื่อร้านเค้าก็บอกแล้วว่าสนุก...แต่ป้าว่า " ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ " 555

มี 2 ชั้น เปิดแผ่นเต้น คนปานกลางส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ไม่แออัด

ไม่มีผู้ชาย...ไม่ชอบ !!

บัดดี้

ร้านนี้สว่างไสว ไม่อยากกลับบ้านแนะนำให้มาต่อที่นี่

เปิด 24 ชั่วโมง ย้ายบ้านมาอยู่นี่เลยยังได้ หึ หึ

อาหารราคาแพง มีสาวๆก๋ากั่นใส่สายเดี่ยวเกาะอกมาตีพูลโชว์ร่องนมด้วย

เด็กเสิรฟ์ทุกคนควรตัดแว่นเพราะเรียกแล้วไม่ค่อยจะเห็น

แนะนำว่า ถ้าจะไปกินควรมีแบงค์ย่อยติดกระเป๋าไปทิปเด็กเสิรฟ์ด้วย

บริการจะดีขึ้นเรื่อยๆตามสีของแบงค์ค่ะ

deep

คนแน่น ... ไม่รู้คนจะมาออกันทำไมในนี้ ทั้งๆที่ป้าว่าไม่เห็นจะมีอะไร

มีวงเล่นสดสลับเปิดแผ่น ร้านเล็กคนแน่น...คับแคบ

อย่าว่าแต่เต้นเลยแค่ยกขวดขึ้นมาดื่มก็ลำบากแล้ว ป้าไม่ชอบค่ะ


กัลลิเวอร์

ร้านหน้าปากซอยตรงข้ามโรงพัก

ฝรั่งเยอะมากกกก...กกก เข้าไปแล้วเหมือนอยู่ในสถานทูต

แนะนำให้เข้าไปดูเฉยๆ อย่าไปหาแฟนฝรั่งที่นี่เพราะจะได้แขกมาแทนค่ะ

silk bar

ร้านอาหารธรรมดา อาหารแพงเมนูเด่นคือ " ไส้กรอกนานาชาติ "

มีทั้งชาติ ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ฝรั่ง ไปจนถึงนิโกร ...

อย่าคิดลึกนะจ๊ะ ป้าพูดถึงไส้กรอก!!

คนไทยน้อย ฝรั่งประปราย ร้านสลัวๆ

ไม่ควรหลงเข้าไปเนื่องในโอกาสใดๆทั้งสิ้นค่ะ

ร้านคอกเทลแผงลอยบนฟุตบาท

ป้าไปลองมาแว้ววว...ววว

เนื่องจากป้าดูซีรียส์ sex and the city สาวๆในเรื่องชอบดื่ม

" คอสโมโพลิแทนท์ " มักมั่ก

และป้าเป็นสาวอินเทรนด์จะพลาดได้ยังไง

เพื่อนป้ามันยืนยันว่าที่ฮิปปี้มี เลยเป็นธุระของมันที่ต้องเดินหาร้านกับป้า

เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ ไม่มีซักกะร้าน

เห็นพม่ามายืนถือป้ายเชียร์แขกที่ถนน เลยถามว่ามีมั้ย เค้าบอกว่ามี

ป้าลอง 1 แก้ว 60 บาท ประทับใจมากกกก...กกกก

แม่มมาในแก้วพลาสติกบางๆ แบบที่ใส่โค้กแก้ว 5 บาทนั่นแหละ

ปักหลอดกาแฟมาหลอดนึง ดูดเข้าไป ซู๊ดดดดดดดด...ดดดด

แล้วหันไปบอกเพื่อนสนิทว่า " เฮ้ยย..ยยย กุว่ามันไม่ใช่ !! "

แคร์รี่ แบทชอ และผองเพื่อนไม่มีทางกินของรสชาดแบบนี้เด็ดๆ

ใครไม่เชื่อไปลองดูได้ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีร้านนู้น ร้านนี้อิกเยอะแยะ

ไว้ว่างๆป้าจะมาอัพเดทให้อ่าน...ใครว่างๆลองไปเที่ยวดูนะคะ

ปล. ขากลับเดินไปขึ้นรถ หรือ เดินไปที่จอดรถซอยเปลี่ยวๆ

สาวๆหนีบกระเป๋าเข้าจุ๊กกาแร้แน่นๆนะจ๊ะ

โจรกระชากกระเป๋าชุกชุม...เพื่อนป้าโดนไป 2 ใบแล้วค่ะ




ที่มา แม่ม่ายป้ายแดง

วัดพระแก้ว กรุงเทพ

0 ความคิดเห็น

มีอะไรบ้างง